This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

want and need

ได้มีโอกาสสอนน.ร.จ. ในเทอมนี้ ก็เรียกว่าตั้งใจที่จะทำยังไงก็ได้ทุกวิถีทางที่จะให้น.ร.เรียนได้แบบเข้าใจมากที่สุด ก็พยายามบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจหรือคาดหวังว่าน.ร. ต้องเก่งนะคะ ขอแค่ให้เรียนแล้วเข้าใจ แค่นั้น ก็ถือว่าการสอนของดิฉันประสบผลสำเร็จแล้ว อืมมม เข้าเรื่องเลยดีกว่า ความก็มีอยู่ว่า มีอยู่ชั่วโมงนึงเพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆเลยค่ะ สอนอยู่ จู่ๆ น.ร.ก็พูดเรื่อง want กับ need ขึ้นมาในห้องเรียนเลย ก็เลย share idea กันเล่นๆว่าไอ้การบริการเนี่ยมันเป็น want หรือว่า need กันแน่นะ หลังจากที่ถกกันมาพักนึง ก็สรุปได้ว่า การบริการนั้น เป็นทั้ง want และ need เพราะ การบริการนั้นเป็นการตอบสนองความต้องการ (want) โดยใช้คน (need)  เป็นผู้กระทำกิจกรรมใดๆเพื่อตอบสนองให้กับ คน อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดนั่นเองค่ะ

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

คนกับความขยัน

คนญี่ปุ่นกับคนจีนเนี่ยนะ  เค้าเหมือนกันอยู่อย่างตรงที่     ขยันและอดทนมากๆนี่ล่ะคะ คุณๆว่ามั้ย ? เพราะเค้ามีคติหรือความคิดที่ว่า คนที่ไม่ทำงานก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว คุณเชื่อมั้ยว่าคนทั้ง  2 สัญชาตินี้ แทบไม่เคยหยุดทำงานโดยไม่มีเหตุผลเลยซักวัน แม้จะทำงานเหนื่อยมากกกแค่ไหน ก็ยังคงทำต่อไปจนกว่างานที่ทำอยู่นั้นจะสำเร็จลุล่่วง คุณว่าคนญี่ปุ่นทำงานกันวันละกี่ชั่วโมง? ขอบอกว่าเยอะกว่าชั่วโมงการทำงานของบางคนเสียอีก เค้าจะทำงานกันแบบเคร่งเครียดมากเลยนะคะ แบบว่างานคืองาน แต่ถ้าถึงเวลาพักก็คือพักจริงๆ   ไม่มีคำว่าหัวหน้างานหรือลูกน้อง ทุกคนเท่าเทียมกัน  หัวหน้างานก็ให้เกียรติลูกน้อง เหมือนกับที่ลูกน้องให้เกียรติหัวหน้าเลยล่ะ ส่วนคนจีนใกล้ตัวมากเลย คุณเคยเห็นคนจีนที่เค้าเปิดร้านโชว์ห่วยมั้ยคะ เค้าแทบไม่เคยปิดร้านซักวัน ถ้าไม่มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ แล้วคุณล่ะคะ ทำงานเหนื่อยมั้ย ถ้าเหนื่อยและล้ามาก ก็ขอให้ลองนึกถึงคนที่เค้าเหนื่อยกว่าเราแล้วกัน หรือไม่ก็ลองนึงถึงฮีโร่ของเราทุกคนดูนะ งงมั้ยก็พ่อกับแม่ไง ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่ยอมหยุดที่จะทำงาน หาเลี้ยงเราจนโตมาจนสุนัขเลียก้นเกือบถึง แถมยังไม่เคยหยุดรักเราซักวันด้วย  ฮือฮือฮือ.........ซึ้งง่ะ เขียนได้งัยเนี่ย

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

นมกับแอลกอฮอลล์

ไบลี่ย์ หรือบางคนเรียกว่า ไบเล่ย์ เป็นเครื่องดื่มประเภทนมที่มีแอลกอฮอลล์ผสมอยู่ คุณๆทั้งหลายเชื่อมั้ยคะว่า มันเกิดจากการคิด ถนอมอาหารคือ ทำอย่างไรให้นมเสีย หรือบูด ช้าที่สุดนอกจากการ เอาไปทำเนยและชีส ของชาวต่างประเทศเค้า และเป็นเครื่องดื่มประเภทเดียวที่หลังจากผลิตแล้ว นำออกขายสู่ตลาดเลยโดยที่ไม่มีการทดลอง หรือทดสอบชิมรสชาติก่อนเลย และก็ติดตลาดค็อกเทลเลยเหมือนกัน เพราะความหอมของนมที่ออกมาคล้ายกับ ครีมนมที่มีความหนืดนิดหน่อยและหอมกลิ่นวนิลลา แทบที่จะไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอลล์เลย แถมยังสามารถเข้าได้ดีกับกาแฟอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีค็อกเทลหลายสูตรที่ใช้ ไบลี่ย์เป็นส่วนผสมด้วยเช่นกัน  

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กระทิงแดงกับค็อกเทล

วันก่อนได้อ่าน นิตยสารฉบับนึงของคนใกล้ตัวเพลินๆก็เผอิญไปเจอเข้า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ  เครื่องดื่มชูกำลัง ที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ที่คนต่างประเทศหรือฝรั่งเค้าเรียกว่า เรดบูล หรือ กระทิงแดง  บ้านเรานี่เอง คุณๆทั้งหลาย เชื่อมั้ยว่าฝรั่งเค้ามีเมนูเครื่องดื่มประเภทค็อกเทลที่ท็อปฮิต ที่ใช้กระทิงแดง เป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญ ที่ขายดี และเป็นที่นิยมดื่ม มากกกก เช่น กระทิงแดงผสมกับ เหล้าวอดก้า เป็นต้น ส่วน จะออกมาอร่อยขนาดไหนนั้น ต้องลอง หาดื่มกันเอาเองนะคะ แต่สำหรับ ชาวต่างชาติเค้าบอกว่า มันให้กลิ่นและรสชาติ ที่หอม หวาน อร่อยดีค่ะ คิดว่าน่าลองนะคะ ถ้าไม่กลัวว่าจะตาค้างเพราะ กระทิงแดงซะก่อน   ฮิฮิฮิ 

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิสัยคนไทยในมุมมองคนญี่ปุ่น

เมื่อวันก่อน คนญี่ปุ่นที่ทำงานเก่าโทรมาหา (เพราะว่าเราโทรไปก่อนแล้วมันไม่รับ) ก็ได้คุยกัน เกี่ยวกับปัญหาที่เขาได้รับกับการ ทำงานกับ Staff คนไทย เค้าก็บอกว่าเหนื่อยมากกกกก คนไทยพูดยาก ทุกคนที่ทำงานเนี่ย โตแล้ว แต่พูดกันไม่เข้าใจ  ต้องพูดกัน 2 - 3 ครั้ง บอกให้เปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ มันไม่ดี แต่ก็เหมือนเดิม ถามว่า ทำไม คำตอบที่ได้รับ คือ มันก็เหมือนกันแหละ ไม่เป็นไรน่า อะไรก็ได้ ก็มันเหมือนกัน ทุกคนทราบมั้ยคะว่า คำคำนึงที่คนไทยชอบพูด และชอบเป็นกันที่ทำให้คนญี่ปุ่นไม่ชอบบบบบบ ที่สุด คือ อะไรก็ได้ (Dumb) เพราะว่า สำหรับคนญี่ปุ่นนั้น เค้าอะไรก็ได้ไม่ได้แบบเด็ดขาด ทุกอย่างที่ทำลงไปจะต้องมีค่า มีความหมายในทุกๆรายละเอียด เพราะเค้าใส่ใจ ไม่ใช่ว่า อะไร.....ก็ได้ อยากจะบอกว่ามีทุกที่ จริงๆคะ แม้แต่ตัวดิฉันเอง ในบางครั้งก็ยังเป็นพวก อะไรก็ได้ แล้วก็โดน นายตำหนิบ่อยๆ จน เดี๋ยวนี้ก็น้อยลงไปมาก แล้ว อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันเปลี่ยนนะคะ  เปลี่ยนแล้วก็จะทำให้ทั้งตนเอง องค์กร รวมถึงสังคมที่ใหญ่ที่สุดคือ ประเทศ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพราะคนไทย จะไม่มีคนทำอะไรแบบ อะไรก็ได้ไงคะ(อาจจะเปลี่ยนยากหน่อย เพราะคนไทยไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงแม้มันจะทำให้ตัวเองดีขึ้ก็ตามไม่รู้เป็นไง)

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สายการบินรัสเซีย(วาบหวิวมั้ย)

เมื่อเช้านั่งดูข่าว ว่าสายการบินของรัสเซีย เค้าทำโฆษณาสายการบิน ด้วยการให้สาวแอร์ฯ นุ่งบิกินนี่  มาล้างเครื่องบินกัน มีคนออกมาบอกว่า เค้าทำโฆษณาออกไปทางที่ส่อไปในทางที่ไม่ดี (วาบหวิวเหลือเกิน) แต่ในความคิด ของดิฉันคิดว่า เค้ามี TARGET อยู่ในใจนะว่า ต้องการดึงดูดลูกค้าประเภทไหน ไม่แน่นะคะว่า  อาจจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเกินคาดก็ได้  ใครจะไปรู้  เพราะสาวรัสเซียเนี่ย สวยใช่ย่อย จริงมั้ยล่ะคะ

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นิเทศ ประกันการศึกษา

หายไปอบรม การประกันคุณภาพการศึกษามา มันส์มากกกกกกกกกกค่ะ ท่านผ.อ.พีระศักดิ์ เก่งมากกกกกกกก คณะครูก็เก่งมาก ทั้งแนะ และสอน กระตุ้น ให้คอยทำ และลองทำ หนุกดีค่ะ ต้องขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่กรุณาให้ครู มือใหม่อย่างดิฉันได้เข้ารับการอบรม บ่มนิสัยในครั้งนี้ ต่อไป คิดว่า บุคลากรของโรงเรียนเราก็ คงจะอ่านหนังสือได้แบบแตกฉานมากขึ้นเป็นของแถมจากการสอนในครั้งนี้ด้วย อยากให้บรรดาครูๆมากันอีกนะคะ แต่คราวนี้เปลี่ยนไปคุยนอกสถานที่ท่าจะน่าสนุกนะคะ ฮิฮิฮิ

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ธรรมชาติ หรือ คุณลักษณะ ของการบริการ

ก่อนอื่นเลยก็คงต้องขอขอบคุณ ท่านรอง อนนท์ ที่เอาซีดีการบริการมาให้ดู ตั้งนานนนนมาและ ก็เลยขอเอามาให้ชมกัน นิ๊ดส นึงนะคะ เค้าบอกว่า การบริการเนี่ยมันก็มีธรรมชาติ หรือในบางที่ก็เรียกว่าคุณลักษณะ อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประการด้วยกัน ก็คือ
1. การบริการเนี่ยมันไม่มีตัวตน Intangible คือ เราไม่สามารถที่จะสัมผัสมันได้ เพราะการบริการมันเป็นการกระทำที่ส่งมอบให้ ระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ
2. สามารถแกว่งไกวได้ Variable เนื่องจาก การบริการนั้นใช้คนเป็นองค์ประกอบในองค์กร และความแตกต่างของคนแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้มีมาตรฐานเดียวกัน ด้วยการจัดการอบรมตลอดเวลา หรือ การจัดทำพิมพ์เขียวการบริการ Service Blue Print นั่นเอง
3. ไม่สามารถแยกออกจากกัน Inseparable เพราะ การให้บริการและการรับบริการนั้น จะต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
4. ไม่สามารถกักเก็บเอาไว้ได้ Perishable หรือที่เรียกง่ายๆว่า มันเน่าเสียได้นั่นเอง เพราะการบริการเป็นแค่การกระทำที่ทำให้เกิดความพึงพอใจเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว ความพึงพอใจไม่สามารถห่อกลับไปบ้านได้ เกิดขึ้น ณ. เวลาหนึ่ง และจบไปณ.เวลานั้น  เหมือน past simple อ่ะคะ

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กลยุทธ์มัดใจลูกค้า

วันก่อนไปเปิดเจอเนื้อหานี้ในอินเตอร์เน็ตน่าสนใจมากของK SME เค้านะคะ ก็เลยเอามาให้ลองอ่านกันดู เค้าบอกไว้ว่า กลยุทธ์ที่ใช้มัดใจลูกค้ามีทั้งหมด  10 S ด้วยกันเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1.  Smooth  คือ ความเนียนเรียบ  หมายถึงความเรียบทางด้านอารมณ์ ส่งผลให้เกิดความเนียนเรียบในการดำเนินงาน  ว่ากันง่ายๆก็คือ พนักงานบริการนั้นต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าตลอดเวลา จะต้องมีความอดทนทาง ด้านอารมณ์สูง จะต้องแสดงอารมณ์ที่ยินดีตลอดเวลา ใช้สติแก้ไขปัญหาแทนการใช้อารมณ์ ก็จะช่วยให้งานทุกอย่างสำเร็จไปได้ด้วยดี
2.  Smile  คือ การสร้างรอยยิ้ม ไม่ว่าธุรกิจใดก็ตาม ที่สามารถสร้างรอยยิ้ม และให้บริการลูกค้า ด้วยความมีอัธยาศัยไมตรี จะเป็นเสน่ห์ที่ใช้มัดใจลูกค้าได้ในระยะยาว
3.  Speak  คือ การพูด การสื่อสาร  การพูดการสื่อสารกับลูกค้าคือปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในธุรกิจหลายๆ ประเภท พนักงานบริการจะ ต้องรู้จัก การพูดด้วย แน่นอนทุกคนพูดได้อยู่แล้ว แต่พูดเป็นรึเปล่านี่น่าจะเป็นปัญหาเหมือนกันนะคะ บางคนพูดเก่งมากกก จนลูกค้าเบือนหน้าหนี กับอีกคน พูดน้อย แต่ลูกค้าชอบ แบบไหนดีกว่ากันคะ เพราะแบบนี้บางที่ เค้าก็มีการสอนหลักการที่ใช้พูดคุย กับลูกค้าเหมืออนกันนะคะ  
4.  Smart  คือ บุคลิกภาพที่ดีและยังรวมถึงความฉลาดมีไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในด้านต่างๆด้วย
5.  Small  คือ เล็ก ในที่นี้หมายถึง การทำตัวให้เล็กกว่าลูกค้าเสมอ การอ่อนน้อม ถ่อมตน ย่อมเป็นสิ่งที่ดี สำหรับทุกคน ที่ควรมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็น พนักงานบริการ ค่ะ
6.  Special  คือ พิเศษ หมายถึง การปฏิบัติต่อลูกค้า เหมือนคนพิเศษ หรือคนสำคัญเสมอ เพราะลูกค้า คือ พระเจ้า คือ คนจ่ายเงินเดือนให้กับ พนักงานทุกคน 
7.  Spirit  คือ การมีน้ำใจเอื้อเฝื้อ การช่วยเหลือลูกค้าในรูปแบบต่างๆ โดยที่ลูกค้าจะร้องขอหรือไม่ก็ตาม ก็ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เหมือนกัน 
8.  Speed  คือ ความเร็ว การได้รับความรวดเร็วในการใช้บริการก็เป็นส่วนหนึ่ในการตัดสินใจเลือกใช้ บริการ ในยุคที่มีการแข่งขันสูง หรือยุคที่เรียกว่า ทำทุกอย่างแบบแข่งกับเวลา แบบในสมัยนี้
9.  Super คือ การให้บริการในแบบที่ไม่ธรรมดา และลูกค้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน หรือที่เรียกว่า การบริการที่เหนือความคาดหมาย จนทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ จนบอกต่อกันแบบปากต่อปาก
10.  Save  คือ การบริการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึก คุ้มค่าในการใช้บริการ
ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง กับทุกธุรกิจ แล้วแต่จะนำไป ดัดแปลงใช้กันนะคะ

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

ผู้หญิงชอบอาหารสวยจริงหรือ

มีหนังสือบางเล่มเขียนเอาไว้ว่า  ผู้หญิงชอบอาหารประเภทสวยงาม  ส่วนผู้ชายชอบอาหารที่กินแล้วอิ่มมากกว่า จริงหรือ แล้วทำไมคนไทยสมัยก่อนถึงมีการแกะสลักผักผลไม้ในอาหาร ทุกๆจาน อย่างแค่แกงฟักเขียวในหนึ่งถ้วยเนี่ย สามารถเล่าเรื่อง รามเกียรติ์ได้ในหนึ่งตอนอย่างเนี้ย สุดยอดดดดดดดดด แล้วก็อีกหนึ่ง ชนชาติ  คือญี่ปุ่น อาหารของคนญี่ปุ่นในทุกๆจาน ที่เสิร์ฟในร้านอาหารจะต้องจัดอย่าสวยงาม แม้แต่ กล่องข้าวอาหารกลางวัน ที่ภรรยาทำให้สามี เอาไว้ทานที่ทำงานยังต้องให้สวยงามเลย ไม่ต้องพูดถึงอาหาร ที่เป็น คอร์ท ที่เสิร์ฟในภัตตาคารญี่ปุ่น นะคะ ของเค้าเนี่ย ซูโค้ยยยยยยยยย  ไปเลย สวยงาม อลังการงานสร้างมากกกกกกกกก แม่จ้าว อะไรจะเช่นนั้น พอร์ชั่นแบบพอดีๆในหนึ่งจาน ให้ทานได้แค่1-2คำ เท่านั้น แต่ความสวย ระดับ นางงามชิดซ้ายไปเลยล่ะคะ  เค้าเอาไว้ทานกันแบบเป็นพิธีการ หรือเลี้ยงแขก แม้แต่ประชุมธุรกิจ เดี๋ยวนี้ก็นิยม ซึ่งก็มีแต่ผู้ชายแทบทั้งนั้นที่ ไปนั่งทานกัน แล้วอย่างนี้ มันจะจำกัดได้ยังงัยกันว่า ผู้หญิงถึงจะชอบอาหารสวยงาม  จริงมั้ยล่ะคะ 

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

นิยามการบริการ

พอดีไปเจอมาใหม่อีกอันค่ะกับนิยามของการบริการก็เลยเอามาฝากให้ได้ลองอ่านกัน เค้าบอกไว้ว่า
การบริการ  หมายถึง  การกระทำที่อำนวยประโยชน์ที่ผู้ให้บริการกระทำให้กับผู้รับบริการ  ซึ่งในการให้บริการนั้นอาจมีการใช้ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆ หรืออาจจะเป็นการกระทำล้วนๆ โดยที่ไม่มีการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ เลยก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การบริการหมายรวมตั้งแต่ การกระทำที่อำนวยประโยชน์ในลักษณะที่เป็นนามธรรมล้วนๆ โดยไม่มีวัสดุ สิ่งของหรือ สินค้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของการกระทำนั้นๆ  เช่น การสอนหนังสือ การร้องเพลง ก็เป็นการบริการด้วยนะคะเนี่ย

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

สวัสดีชาวพลาฯ วันสงกรานต์

สวัสดีปีใหม่ไทย(วันผู้สูงอายุ)ค่ะ มีความสุขกันมาก..มากกกกก.............นะคะ อย่ามัวแต่เล่นน้ำเพลินล่ะ ฝาก รดน้ำคนข้างๆ ด้วยนะคะ 5555555555
songkran

เชฟ CHEF

เมื่อวานนี้เผอิญได้อ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่คนใกล้ตัวเค้าซื้อมา แต่เป็นนิตยสารที่เก่าแล้วนะ  แต่มีเนื้อหาที่น่าสนใจดี ก็เลยเอามาฝากกัน มันเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ คนที่ทำงานด้านการบริการเนี่ยล่ะค่ะ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาหารทุกๆจาน นั่นก็คือ เชฟ เค้าเขียนไว้ว่าเชฟ เป็นอาชีพที่เหมือนทำงานอยู่หลังบ้าน ทำอร่อยคนก็เฉยๆ แต่ถ้าทำไม่อร่อยคนก็เรียกมาติ
Mr.John  Sloane  เค้าได้ให้คำนิยามของคำว่า เชฟ เอาไว้ว่า เชฟ  คือ ผู้ที่ต้องเสาะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ในการทำอาหารใ ห้ออกมาดีที่สุด และต้องเรียนรู้การทำอาหารของชาติอื่นๆด้วย  โดยต้องรู้ลึกไปถึงวัฒนธรรมการกิน ของแต่ละประเทศ  ต้องค้นคว้าหาข้อมูล วัตถุดิบที่จะใช้ ต้องอัพเดทเทรนใหม่ๆ แล้วนำมาพัฒนาแนวทางของตนเองอยู่เสมอๆ แต่ พ่อครัว เป็นเพียง ผู้ที่ทำงานในครัว ทำอาหารตามตำรา ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ให้เท่านั้น  การเป็นเชฟนั้นยังต้องเรียนรู้ทักษะในการบริหารจัดการอีกด้วยนะ คือ ต้องเรียนรู้วิธีการในการสร้างแรงกระตุ้น การจูงใจลูกทีม ในการทำงาน การบริหารลูกทีม รวมถึงการคำนวนกำไร ขาดทุน ต้นทุน ของอาหารแต่ละจาน  จะว่าไปแล้วการเป็น เชฟ ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ  แต่จะว่าไปแล้วการเป็นอะไรมันก็ไม่ง่ายทั้งนั้นแหละ  แต่ก็คงไม่ยากเกินความพยายามของคนหรอก จริงมั้ยละคะ  มีคนคนนึง บอกว่า เมื่อโอกาสมันมาถึงแล้ว เราก็น่าจะลองลงมือทำดูสักครั้ง เพราะโอกาสมันไม่ได้มาบ่อยนัก  มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้เเรจะลองพยายามทำมันให้ดีที่สุด  ดีกว่าปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ แล้ววันนึง เมื่อมองย้อนกลับไป แล้วบอกว่า  เสียดายที่วันั้นเราไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเรายังไม่ได้ลองทำเลย  มันก็คงจะแย่นะ 

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

The Show Must Go On

คุณว่าคุณทำใจหรือ อดทนได้มากกแค่ไหนคะ  ที่ต้องถูกใครก็ไม่รู้ว่าเราทั้งที่เราไม่ผิด
ทุกคนก็คงจะปรี๊ดแตกไปเลย  แต่สำหรับพนักงานบริการ ที่มีหน้าที่ให้บริการเนี่ย เจ๋งจริงๆเลยนะคะ ที่จะต้องอดทนและ เก็บอารมณ์ให้ได้ ไม่ว่าลูกค้าหรือผู้ที่ใช้บริการจะมีอารมณ์ที่เรียกว่า แรงงงง... ขนาดไหนก็ตาม  ผู้ที่ทำหน้าที่ บริการที่ดี จะมีหน้าที่เดียวเท่านั้นค่ะ คือ ยิ้มรับ และ กล่าวคำ ขอโทษ เจ๋งมั้ยล่ะคะ  THE SHOW MUST GO ONจริงๆ ค่ะJapanese girl

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

การบริการ(ต่อ)

การบริการนั้น จะเรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ ผู้ให้บริการ ทำการส่งมอบให้ผู้รับบริการด้วยความตั้งใจก็ได้ ในความหมายทางการตลาด และวิชาการ  แต่ในปัจจุบันนี้ บุคคลซึ่งเข้ามาในธุรกิจบริการนั้น บางคนก็ไม่ได้มีใจให้กับงานบริการอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นอย่างมากกก ที่จะต้องนำบุคคลเหล่านั้นมาฝึกฝน  จนเกิดความเคยชิน ติดเป็นนิสัย  จนกลายเป็นการกระทำที่มันเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนบางคนก็หลงรักงานบริการไปโดยไม่รู้ตัวเลยก็มีนะ   จริงๆแล้วในงานบริการแต่ละอย่าง ก็ให้ทักษะที่ไม่เหมือนกันนะคะ แต่ว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่มากๆ เลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ลองสังเกตุดูได้ เช่น การบริการในภัตตาคารญี่ปุ่น(ใกล้ตัวหน่อยนะคะ555) มันให้อะไรบางอย่างที่ติดตัวมา  กับคนที่ทำงานอยู่ตรงนั้นเป็นประจำ  ซึ่งถ้าถามกับบุคคลคนนั้นจริงๆแล้ว  เค้าก็จะตอบว่า  เค้าไม่รู้หรอกว่ามันให้อะไรกับเค้าบ้าง  แต่ถ้าคนภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  คนที่เป็นหัวน้าหรือผู้บริหารงานที่เกี่ยวกับงานบริการมานั่งมอง  เค้าก็จะบอกได้ทันทีว่า  คนคนนี้มีศักยภาพในงานบริการ  มากน้อย แค่ไหน หรือว่ามีทักษะด้านไหน  เหมาะสม หรือว่าไว้ใจให้สามารถทำอะไรในองค์กรได้บ้างนั่นเองค่ะ  แต่ทั้งนี้ที่เขียนมาทั้งหมดนั้น  อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้นะ  แต่แบบว่ารู้สึก หรือคิดผ่านมุมมองของคนที่  เคยต้องนั่งมองคนอื่นๆ  แล้วก็ตอบคำถามว่า คนคนนี้มีศักยภาพพอมั้ยสำหรับเรา ก็เท่านั้นเองค่ะ

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

การบริการก็เป็นอาร์ตเหรอ

คุณๆทั้งหลาย  เคยทราบมั้ยล่ะว่า  การบริการเนี่ย  นับว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง  เหมือนกันนะ  ศิลปะในการทำให้ผู้ที่มารับบริการนั้น  เกิดความพึงพอใจ  อย่างชนิดที่เรียกว่า  สูงงงงง สุด สุด เลยล่ะ ไม่ว่าจะต้องทายใจ จดจำ ลักษณะนิสัย ความชอบไม่ชอบ การจัดเตรียม ประดับตกแต่ง สถานที่ให้บริการทั้งหลายทั้งปวง ฯลฯ  คุณคิดว่าคนคนนึง  จะสามารถทำให้คนหลายๆ คน  พึงพอใจถึงขนาดนั้นได้มั้ยล่ะคะ  เนี่ยแหละ หน้าที่สำคัญอันใหญ่หลวงของ คนที่เราเรียกเค้าว่า  พนักงานบริการ   คนที่จะมาเป็นพนักงานบริการนั้น  ต้องมีสิ่งที่สำคัญอันหนึ่งอยู่ในตัวด้วย  สิ่งนั้นก็คือ  จิตใจที่รักในงานบริการ  หรือ SERVICE MIND นั่นเองค่ะ ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าตนเองมีคุณสมบัตินี้มั้ย บางคนก็ค้นพบว่าตัวเองชอบในงานนี้ตอนที่ได้สัมผัสกับมัน  หรือถูกฝึกฝนจนเกิดความเคยชิน  จนมันกลายเป็นธรรมชาติของคนคนนั้นไปในที่สุด 

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

กำลังพยายาม

กำลังพยายามทำให้ออกมาดีที่สุดอยู่ค่ะ แต่ก็ยังต้องเรียนอีกเยอะเลยicons

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

Personas for Firefox | Leaves

ดีใจมากกกกกกกกก

วันนี้อ่ะนะสดๆร้อนๆเลยค่ะ เขียนบล็อกเสร็จแล้วก็หาขอมูลต่อ แล้วก็เจอบล็อกตัวเองที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องพิมพ์เขียวนี้ในgoogleด้วย ดีใจจังเลยนะเนี่ยjump excited

เทคนิคการสร้างพิมพ์เขียวการบริการ

การสร้างพิมพ์เขียวการบริการ จะต้องมี ประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นด้วย เพื่อให้แต่ละหน่วยงานในองค์กรสามารถเข้าใจการทำงานได้มากขึ้น  ซึ่งแนวทางการสร้างพิมพ์เขียวการบริการที่ดีจะต้อง พิจารณาให้รอบคอบว่าจะ  ลด  ละ  เลิก  และริเริ่ม(ต่อยอดจากการบริการเดิมที่มีอยู่ หรือริเริ่มการบริการใหม่ๆ) ในบริการหนึ่งๆจะประกอบไปด้วย กิจกรรมมากมาย  เมื่อจะเริ่มเขียนพิมพ์เขียวนั้นก็ต้อง ไล่เรียงกิจกรรมทั้งหมดออกมาก่อน  แล้วจึงมาเรียบเรียงว่า  กิจกรรมไหนเป็นของลูกค้า  กิจกรรมไหนเป็นของพนักงานที่ให้บริการ  และส่วนไหนเป็นงานสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเวลาเขียน ก็ให้แยกกิจกรรมทั้งหลาย ที่อยู่เบื้องหน้า กับเบื้องหลังออกจากกัน ด้วยเส้นที่เรียกว่า  เส้นสายตา(Line Of Visibility)  เส้นนี้จะกั้นเพื่อ แบ่งกิจกรรมบริการที่ลูกค้าเห็น  กับไม่เห็นออกจากกัน กิจกรรมทั้งหลาย ที่อยู่ในสายตาลูกค้านั้น  จะอยู่เบื้องหน้าเส้นสายตาทั้งหมด  ส่วนกิจกรรมที่ลูกค้ามองไม่เห็น ก็จะอยู่หลังเส้นสายตา กิจกรรมที่อยู่เบื้องหน้าเส้นนี้  ประกอบไปด้วยสองส่วน คือ
1. กิจกรรมของตัวลูกค้าเอง (Customer Action)
2 .กิจกรรมของพนักงานที่อยู่ในสายตาของลูกค้า (Onstage Action)
กิจกรรมทั้งสองส่วนที่อยู่หน้าเส้นสายตานี้จะถูกแยกออกจากกันด้วยเส้นที่เรียกว่า เส้นการติดต่อ (Line Of  Interaction) เพื่อให้เห็นว่ากิจกรรมไหนเป็นของลูกค้า และกิจกรรมไหนเป็นของพนักงาน
กิจกรรมที่อยู่เลยเส้นสายตาไปด้านหลังเป็น กิจกรรมที่ลูกค้ามองไม่เห็น ประกอบด้วยกิจกรรมสองส่วนคือ
1. กิจกรรมของพนักงานให้บริการที่ลูกค้ามองไม่เห็น (Backstate Action)
2. กิจกรรมสนับสนุนต่างๆ (Support  Processes)
กิจกรรมทั้งสองส่วนที่อยู่หลังเส้นสายตานี้ จะต้องถูกทำให้พรากจากกันอีกด้วยเส้นที่เรียกว่า  เส้นการติดต่อภายใน (Line Of Internal Interaction) เพื่อแยกงาน ของพนักงานให้บริการออกจากงานของส่วนสนับสนุน  ซึ่งรูปร่างของพิมพ์เขียวการบริการแต่ละแห่ง แต่ละกิจการไม่จำเป็นที่จะต้อง มีหน้าตาเหมือนกันเสมอไป  ถึงแม้ว่าจะมีธุรกิจแบบเดียวกัน อย่าง...ร้านอาหารบางแห่งที่เค้าโชว์ครัว หรือร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทที่เค้าปั้นซูชิโชว์สดๆ เนี่ย  เวลาที่เขียนพิมพ์เขียวกิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะต้อง อยู่ข้างหน้าเส้นสายตาของลูกค้า ในขณะที่ร้านแบบปิด ซึ่งลูกค้าเห็นแต่ด้านหน้าร้าน  กิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะถูกผลักไปอยู่ ข้างหลังเส้นสายตาแทน มาถึงตรงนี้แล้วไม่รู้ว่าจะเข้าใจมากขึ้นรึเปล่า อาจารย์วิทยา ด่านดำรง   กล่าวไว้ว่าหากนึกถึงหน้าตาของพิมพ์เขียวการบริการไม่ออกก็ให้นึกถึง แบบทางเดินของงาน(Work Flow)  คิดว่าคงจะพอเห็นภาพกันมากขึ้นนะคะ ทีนี้เราก็มาดูภาพตัวอย่างของพิมพ์เขียวการบริการกันที่ได้มาจากอินเตอร์เน็ตกันนะคะ

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

again


โชว์หลังงามงามค่ะ แต่บางทีก็เหมือนพวกยากูซ่านะ

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

Service Blue Print พิมพ์เขียวการบริการ

ต่อจากคราวที่แล้วนะคะ เราจะมาดูกันต่อว่า ServiceBluePrintหรือพิมพ์เขียวการบริการมันคืออะไร? 
มันก็คือ ระบบของงานบริการที่กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน และเหมาะสม ทำให้คนทำงานเข้าใจ และสามารถปฏิบัติได้ ไม่ว่าใครจะมาทำงาน หรือปฏิบัติก็สามารถทำได้ ซึ่งพิมพ์เขียวการบริการนั้นจะระบุ ถึงขั้นตอนของการบริการ จุดติดต่อกับลูกค้า บทบาทของลูกค้าและพนักงาน กระบวนการสนับสนุน และองค์ประกอบทางกายภาพต่างๆเช่น อุปกรณ์ สถานที่ ฯลฯ ที่ใช้ในการบริการ
แล้วมีพิมพ์เขียวการบริการมีไว้เพืออะไร?  ก็เพื่อประโยชน์ในการออกแบบบริการใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ ในธุรกิจที่มีอยู่เดิม หรือธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่  เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ๆ หรือพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยการกำหนดขั้นตอน ที่คิดว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุด และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นณ.จุดใดจุดหนึ่ง เราก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าเราควรจะแก้ปัญหาที่ตรงไหน ต้องทำอย่างไรบ้าง และเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง และทำให้ลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง และถี่ขึ้นจนกลายเป็นความจงรักภักดีต่อบริการ (ตามภาษาการตลาดนะคะอิอิ)  วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันคะ แล้วคราวหน้าเราค่อยมาดูกันว่า  หน้าตามันเป็นยังไงไอ้เจ้าพิมพ์เขียวการบริการเนี่ย มันหน้าตาเหมือนพิมพ์เขียวบ้านมั้ยเนี่ย

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

พิมพ์เขียวการบริการใกล้เกลือกินด่าง

ธุรกิจในปัจจุบันนี้เป็นธุรกิจของการแข่งขัน การบริการลูกค้าที่ดีทำให้มีโอกาสทางธุรกิจที่เหนือคู่แข่ง จึงทำให้เกิดพิมพ์เขียวการบริการ (service blueprint)ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยในการที่จะอบรม ให้กับพนักงานในทุกระดับชั้น ของหน่วยงาน ประโยชน์ก็เพื่อทำให้ ทุกคนมีแบบแผนอันเดียวกันกับที่วัตถุประสงค์ และจุดมุ่งหมาย ที่องค์กรวางเอาไว้ ดังนั้นการทำservice blueprint หรือพิมพ์เขียวการบริการ จึงเป็นที่นิยมทำกันมากขึ้นในองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจบริการ ซึ่งในบางครั้งตัวของพนักงานผู้ที่ปฏิบัติงานนั้น ก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่ทางองค์กรกำลังถ่ายทอด หรือบอกกล่าวให้ทำอยู่ซ้ำๆตามกระบวนการ หรือขั้นตอนต่างๆนั้นเรียกว่า SERVICE BLUEPRINT หรือ พิมพ์เขียวการบริการนั่นเอง สิ่งที่เราทำแบบเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ทุกวัน 1 2  3 4 5 เนี่ย มันก็สามารถ ที่จะเรียกว่าเป็น พิมพ์เขียวของการบริการ service blueprint ได้เหมือนกันนะ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การเป็นครู

การเป็นครูไม่ง่ายเลยแต่ก็คงไม่ยากเกินถ้าจะพยายาม ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเป็นครูได้ กลัวด้วยซ้ำไปว่าจะถ่ายทอดความรู้ให้ใครเขาไม่ได้ แต่ก็จะพยายามให้มากๆ