มีหนังสือบางเล่มเขียนเอาไว้ว่า ผู้หญิงชอบอาหารประเภทสวยงาม ส่วนผู้ชายชอบอาหารที่กินแล้วอิ่มมากกว่า จริงหรือ แล้วทำไมคนไทยสมัยก่อนถึงมีการแกะสลักผักผลไม้ในอาหาร ทุกๆจาน อย่างแค่แกงฟักเขียวในหนึ่งถ้วยเนี่ย สามารถเล่าเรื่อง รามเกียรติ์ได้ในหนึ่งตอนอย่างเนี้ย สุดยอดดดดดดดดด แล้วก็อีกหนึ่ง ชนชาติ คือญี่ปุ่น อาหารของคนญี่ปุ่นในทุกๆจาน ที่เสิร์ฟในร้านอาหารจะต้องจัดอย่าสวยงาม แม้แต่ กล่องข้าวอาหารกลางวัน ที่ภรรยาทำให้สามี เอาไว้ทานที่ทำงานยังต้องให้สวยงามเลย ไม่ต้องพูดถึงอาหาร ที่เป็น คอร์ท ที่เสิร์ฟในภัตตาคารญี่ปุ่น นะคะ ของเค้าเนี่ย ซูโค้ยยยยยยยยย ไปเลย สวยงาม อลังการงานสร้างมากกกกกกกกก แม่จ้าว อะไรจะเช่นนั้น พอร์ชั่นแบบพอดีๆในหนึ่งจาน ให้ทานได้แค่1-2คำ เท่านั้น แต่ความสวย ระดับ นางงามชิดซ้ายไปเลยล่ะคะ เค้าเอาไว้ทานกันแบบเป็นพิธีการ หรือเลี้ยงแขก แม้แต่ประชุมธุรกิจ เดี๋ยวนี้ก็นิยม ซึ่งก็มีแต่ผู้ชายแทบทั้งนั้นที่ ไปนั่งทานกัน แล้วอย่างนี้ มันจะจำกัดได้ยังงัยกันว่า ผู้หญิงถึงจะชอบอาหารสวยงาม จริงมั้ยล่ะคะ
วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553
นิยามการบริการ
พอดีไปเจอมาใหม่อีกอันค่ะกับนิยามของการบริการก็เลยเอามาฝากให้ได้ลองอ่านกัน เค้าบอกไว้ว่า
การบริการ หมายถึง การกระทำที่อำนวยประโยชน์ที่ผู้ให้บริการกระทำให้กับผู้รับบริการ ซึ่งในการให้บริการนั้นอาจมีการใช้ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆ หรืออาจจะเป็นการกระทำล้วนๆ โดยที่ไม่มีการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ เลยก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การบริการหมายรวมตั้งแต่ การกระทำที่อำนวยประโยชน์ในลักษณะที่เป็นนามธรรมล้วนๆ โดยไม่มีวัสดุ สิ่งของหรือ สินค้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของการกระทำนั้นๆ เช่น การสอนหนังสือ การร้องเพลง ก็เป็นการบริการด้วยนะคะเนี่ย
การบริการ หมายถึง การกระทำที่อำนวยประโยชน์ที่ผู้ให้บริการกระทำให้กับผู้รับบริการ ซึ่งในการให้บริการนั้นอาจมีการใช้ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆ หรืออาจจะเป็นการกระทำล้วนๆ โดยที่ไม่มีการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ เลยก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การบริการหมายรวมตั้งแต่ การกระทำที่อำนวยประโยชน์ในลักษณะที่เป็นนามธรรมล้วนๆ โดยไม่มีวัสดุ สิ่งของหรือ สินค้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของการกระทำนั้นๆ เช่น การสอนหนังสือ การร้องเพลง ก็เป็นการบริการด้วยนะคะเนี่ย
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
สวัสดีชาวพลาฯ วันสงกรานต์
เชฟ CHEF
เมื่อวานนี้เผอิญได้อ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่คนใกล้ตัวเค้าซื้อมา แต่เป็นนิตยสารที่เก่าแล้วนะ แต่มีเนื้อหาที่น่าสนใจดี ก็เลยเอามาฝากกัน มันเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ คนที่ทำงานด้านการบริการเนี่ยล่ะค่ะ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาหารทุกๆจาน นั่นก็คือ เชฟ เค้าเขียนไว้ว่าเชฟ เป็นอาชีพที่เหมือนทำงานอยู่หลังบ้าน ทำอร่อยคนก็เฉยๆ แต่ถ้าทำไม่อร่อยคนก็เรียกมาติ
Mr.John Sloane เค้าได้ให้คำนิยามของคำว่า เชฟ เอาไว้ว่า เชฟ คือ ผู้ที่ต้องเสาะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ในการทำอาหารใ ห้ออกมาดีที่สุด และต้องเรียนรู้การทำอาหารของชาติอื่นๆด้วย โดยต้องรู้ลึกไปถึงวัฒนธรรมการกิน ของแต่ละประเทศ ต้องค้นคว้าหาข้อมูล วัตถุดิบที่จะใช้ ต้องอัพเดทเทรนใหม่ๆ แล้วนำมาพัฒนาแนวทางของตนเองอยู่เสมอๆ แต่ พ่อครัว เป็นเพียง ผู้ที่ทำงานในครัว ทำอาหารตามตำรา ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ให้เท่านั้น การเป็นเชฟนั้นยังต้องเรียนรู้ทักษะในการบริหารจัดการอีกด้วยนะ คือ ต้องเรียนรู้วิธีการในการสร้างแรงกระตุ้น การจูงใจลูกทีม ในการทำงาน การบริหารลูกทีม รวมถึงการคำนวนกำไร ขาดทุน ต้นทุน ของอาหารแต่ละจาน จะว่าไปแล้วการเป็น เชฟ ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ แต่จะว่าไปแล้วการเป็นอะไรมันก็ไม่ง่ายทั้งนั้นแหละ แต่ก็คงไม่ยากเกินความพยายามของคนหรอก จริงมั้ยละคะ มีคนคนนึง บอกว่า เมื่อโอกาสมันมาถึงแล้ว เราก็น่าจะลองลงมือทำดูสักครั้ง เพราะโอกาสมันไม่ได้มาบ่อยนัก มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้เเรจะลองพยายามทำมันให้ดีที่สุด ดีกว่าปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ แล้ววันนึง เมื่อมองย้อนกลับไป แล้วบอกว่า เสียดายที่วันั้นเราไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเรายังไม่ได้ลองทำเลย มันก็คงจะแย่นะ
Mr.John Sloane เค้าได้ให้คำนิยามของคำว่า เชฟ เอาไว้ว่า เชฟ คือ ผู้ที่ต้องเสาะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ในการทำอาหารใ ห้ออกมาดีที่สุด และต้องเรียนรู้การทำอาหารของชาติอื่นๆด้วย โดยต้องรู้ลึกไปถึงวัฒนธรรมการกิน ของแต่ละประเทศ ต้องค้นคว้าหาข้อมูล วัตถุดิบที่จะใช้ ต้องอัพเดทเทรนใหม่ๆ แล้วนำมาพัฒนาแนวทางของตนเองอยู่เสมอๆ แต่ พ่อครัว เป็นเพียง ผู้ที่ทำงานในครัว ทำอาหารตามตำรา ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ให้เท่านั้น การเป็นเชฟนั้นยังต้องเรียนรู้ทักษะในการบริหารจัดการอีกด้วยนะ คือ ต้องเรียนรู้วิธีการในการสร้างแรงกระตุ้น การจูงใจลูกทีม ในการทำงาน การบริหารลูกทีม รวมถึงการคำนวนกำไร ขาดทุน ต้นทุน ของอาหารแต่ละจาน จะว่าไปแล้วการเป็น เชฟ ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ แต่จะว่าไปแล้วการเป็นอะไรมันก็ไม่ง่ายทั้งนั้นแหละ แต่ก็คงไม่ยากเกินความพยายามของคนหรอก จริงมั้ยละคะ มีคนคนนึง บอกว่า เมื่อโอกาสมันมาถึงแล้ว เราก็น่าจะลองลงมือทำดูสักครั้ง เพราะโอกาสมันไม่ได้มาบ่อยนัก มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้เเรจะลองพยายามทำมันให้ดีที่สุด ดีกว่าปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ แล้ววันนึง เมื่อมองย้อนกลับไป แล้วบอกว่า เสียดายที่วันั้นเราไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเรายังไม่ได้ลองทำเลย มันก็คงจะแย่นะ
วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553
The Show Must Go On
คุณว่าคุณทำใจหรือ อดทนได้มากกแค่ไหนคะ ที่ต้องถูกใครก็ไม่รู้ว่าเราทั้งที่เราไม่ผิด
ทุกคนก็คงจะปรี๊ดแตกไปเลย แต่สำหรับพนักงานบริการ ที่มีหน้าที่ให้บริการเนี่ย เจ๋งจริงๆเลยนะคะ ที่จะต้องอดทนและ เก็บอารมณ์ให้ได้ ไม่ว่าลูกค้าหรือผู้ที่ใช้บริการจะมีอารมณ์ที่เรียกว่า แรงงงง... ขนาดไหนก็ตาม ผู้ที่ทำหน้าที่ บริการที่ดี จะมีหน้าที่เดียวเท่านั้นค่ะ คือ ยิ้มรับ และ กล่าวคำ ขอโทษ เจ๋งมั้ยล่ะคะ THE SHOW MUST GO ONจริงๆ ค่ะ
ทุกคนก็คงจะปรี๊ดแตกไปเลย แต่สำหรับพนักงานบริการ ที่มีหน้าที่ให้บริการเนี่ย เจ๋งจริงๆเลยนะคะ ที่จะต้องอดทนและ เก็บอารมณ์ให้ได้ ไม่ว่าลูกค้าหรือผู้ที่ใช้บริการจะมีอารมณ์ที่เรียกว่า แรงงงง... ขนาดไหนก็ตาม ผู้ที่ทำหน้าที่ บริการที่ดี จะมีหน้าที่เดียวเท่านั้นค่ะ คือ ยิ้มรับ และ กล่าวคำ ขอโทษ เจ๋งมั้ยล่ะคะ THE SHOW MUST GO ONจริงๆ ค่ะ
วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553
การบริการ(ต่อ)
การบริการนั้น จะเรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ ผู้ให้บริการ ทำการส่งมอบให้ผู้รับบริการด้วยความตั้งใจก็ได้ ในความหมายทางการตลาด และวิชาการ แต่ในปัจจุบันนี้ บุคคลซึ่งเข้ามาในธุรกิจบริการนั้น บางคนก็ไม่ได้มีใจให้กับงานบริการอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นอย่างมากกก ที่จะต้องนำบุคคลเหล่านั้นมาฝึกฝน จนเกิดความเคยชิน ติดเป็นนิสัย จนกลายเป็นการกระทำที่มันเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนบางคนก็หลงรักงานบริการไปโดยไม่รู้ตัวเลยก็มีนะ จริงๆแล้วในงานบริการแต่ละอย่าง ก็ให้ทักษะที่ไม่เหมือนกันนะคะ แต่ว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่มากๆ เลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ลองสังเกตุดูได้ เช่น การบริการในภัตตาคารญี่ปุ่น(ใกล้ตัวหน่อยนะคะ555) มันให้อะไรบางอย่างที่ติดตัวมา กับคนที่ทำงานอยู่ตรงนั้นเป็นประจำ ซึ่งถ้าถามกับบุคคลคนนั้นจริงๆแล้ว เค้าก็จะตอบว่า เค้าไม่รู้หรอกว่ามันให้อะไรกับเค้าบ้าง แต่ถ้าคนภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นหัวน้าหรือผู้บริหารงานที่เกี่ยวกับงานบริการมานั่งมอง เค้าก็จะบอกได้ทันทีว่า คนคนนี้มีศักยภาพในงานบริการ มากน้อย แค่ไหน หรือว่ามีทักษะด้านไหน เหมาะสม หรือว่าไว้ใจให้สามารถทำอะไรในองค์กรได้บ้างนั่นเองค่ะ แต่ทั้งนี้ที่เขียนมาทั้งหมดนั้น อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้นะ แต่แบบว่ารู้สึก หรือคิดผ่านมุมมองของคนที่ เคยต้องนั่งมองคนอื่นๆ แล้วก็ตอบคำถามว่า คนคนนี้มีศักยภาพพอมั้ยสำหรับเรา ก็เท่านั้นเองค่ะ