This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560

คิดถึงJazz ก็ฟังJAZZ


วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

want and need

ได้มีโอกาสสอนน.ร.จ. ในเทอมนี้ ก็เรียกว่าตั้งใจที่จะทำยังไงก็ได้ทุกวิถีทางที่จะให้น.ร.เรียนได้แบบเข้าใจมากที่สุด ก็พยายามบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจหรือคาดหวังว่าน.ร. ต้องเก่งนะคะ ขอแค่ให้เรียนแล้วเข้าใจ แค่นั้น ก็ถือว่าการสอนของดิฉันประสบผลสำเร็จแล้ว อืมมม เข้าเรื่องเลยดีกว่า ความก็มีอยู่ว่า มีอยู่ชั่วโมงนึงเพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆเลยค่ะ สอนอยู่ จู่ๆ น.ร.ก็พูดเรื่อง want กับ need ขึ้นมาในห้องเรียนเลย ก็เลย share idea กันเล่นๆว่าไอ้การบริการเนี่ยมันเป็น want หรือว่า need กันแน่นะ หลังจากที่ถกกันมาพักนึง ก็สรุปได้ว่า การบริการนั้น เป็นทั้ง want และ need เพราะ การบริการนั้นเป็นการตอบสนองความต้องการ (want) โดยใช้คน (need)  เป็นผู้กระทำกิจกรรมใดๆเพื่อตอบสนองให้กับ คน อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดนั่นเองค่ะ

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

คนกับความขยัน

คนญี่ปุ่นกับคนจีนเนี่ยนะ  เค้าเหมือนกันอยู่อย่างตรงที่     ขยันและอดทนมากๆนี่ล่ะคะ คุณๆว่ามั้ย ? เพราะเค้ามีคติหรือความคิดที่ว่า คนที่ไม่ทำงานก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว คุณเชื่อมั้ยว่าคนทั้ง  2 สัญชาตินี้ แทบไม่เคยหยุดทำงานโดยไม่มีเหตุผลเลยซักวัน แม้จะทำงานเหนื่อยมากกกแค่ไหน ก็ยังคงทำต่อไปจนกว่างานที่ทำอยู่นั้นจะสำเร็จลุล่่วง คุณว่าคนญี่ปุ่นทำงานกันวันละกี่ชั่วโมง? ขอบอกว่าเยอะกว่าชั่วโมงการทำงานของบางคนเสียอีก เค้าจะทำงานกันแบบเคร่งเครียดมากเลยนะคะ แบบว่างานคืองาน แต่ถ้าถึงเวลาพักก็คือพักจริงๆ   ไม่มีคำว่าหัวหน้างานหรือลูกน้อง ทุกคนเท่าเทียมกัน  หัวหน้างานก็ให้เกียรติลูกน้อง เหมือนกับที่ลูกน้องให้เกียรติหัวหน้าเลยล่ะ ส่วนคนจีนใกล้ตัวมากเลย คุณเคยเห็นคนจีนที่เค้าเปิดร้านโชว์ห่วยมั้ยคะ เค้าแทบไม่เคยปิดร้านซักวัน ถ้าไม่มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ แล้วคุณล่ะคะ ทำงานเหนื่อยมั้ย ถ้าเหนื่อยและล้ามาก ก็ขอให้ลองนึกถึงคนที่เค้าเหนื่อยกว่าเราแล้วกัน หรือไม่ก็ลองนึงถึงฮีโร่ของเราทุกคนดูนะ งงมั้ยก็พ่อกับแม่ไง ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่ยอมหยุดที่จะทำงาน หาเลี้ยงเราจนโตมาจนสุนัขเลียก้นเกือบถึง แถมยังไม่เคยหยุดรักเราซักวันด้วย  ฮือฮือฮือ.........ซึ้งง่ะ เขียนได้งัยเนี่ย

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

นมกับแอลกอฮอลล์

ไบลี่ย์ หรือบางคนเรียกว่า ไบเล่ย์ เป็นเครื่องดื่มประเภทนมที่มีแอลกอฮอลล์ผสมอยู่ คุณๆทั้งหลายเชื่อมั้ยคะว่า มันเกิดจากการคิด ถนอมอาหารคือ ทำอย่างไรให้นมเสีย หรือบูด ช้าที่สุดนอกจากการ เอาไปทำเนยและชีส ของชาวต่างประเทศเค้า และเป็นเครื่องดื่มประเภทเดียวที่หลังจากผลิตแล้ว นำออกขายสู่ตลาดเลยโดยที่ไม่มีการทดลอง หรือทดสอบชิมรสชาติก่อนเลย และก็ติดตลาดค็อกเทลเลยเหมือนกัน เพราะความหอมของนมที่ออกมาคล้ายกับ ครีมนมที่มีความหนืดนิดหน่อยและหอมกลิ่นวนิลลา แทบที่จะไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอลล์เลย แถมยังสามารถเข้าได้ดีกับกาแฟอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีค็อกเทลหลายสูตรที่ใช้ ไบลี่ย์เป็นส่วนผสมด้วยเช่นกัน  

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กระทิงแดงกับค็อกเทล

วันก่อนได้อ่าน นิตยสารฉบับนึงของคนใกล้ตัวเพลินๆก็เผอิญไปเจอเข้า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ  เครื่องดื่มชูกำลัง ที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ที่คนต่างประเทศหรือฝรั่งเค้าเรียกว่า เรดบูล หรือ กระทิงแดง  บ้านเรานี่เอง คุณๆทั้งหลาย เชื่อมั้ยว่าฝรั่งเค้ามีเมนูเครื่องดื่มประเภทค็อกเทลที่ท็อปฮิต ที่ใช้กระทิงแดง เป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญ ที่ขายดี และเป็นที่นิยมดื่ม มากกกก เช่น กระทิงแดงผสมกับ เหล้าวอดก้า เป็นต้น ส่วน จะออกมาอร่อยขนาดไหนนั้น ต้องลอง หาดื่มกันเอาเองนะคะ แต่สำหรับ ชาวต่างชาติเค้าบอกว่า มันให้กลิ่นและรสชาติ ที่หอม หวาน อร่อยดีค่ะ คิดว่าน่าลองนะคะ ถ้าไม่กลัวว่าจะตาค้างเพราะ กระทิงแดงซะก่อน   ฮิฮิฮิ 

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิสัยคนไทยในมุมมองคนญี่ปุ่น

เมื่อวันก่อน คนญี่ปุ่นที่ทำงานเก่าโทรมาหา (เพราะว่าเราโทรไปก่อนแล้วมันไม่รับ) ก็ได้คุยกัน เกี่ยวกับปัญหาที่เขาได้รับกับการ ทำงานกับ Staff คนไทย เค้าก็บอกว่าเหนื่อยมากกกกก คนไทยพูดยาก ทุกคนที่ทำงานเนี่ย โตแล้ว แต่พูดกันไม่เข้าใจ  ต้องพูดกัน 2 - 3 ครั้ง บอกให้เปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ มันไม่ดี แต่ก็เหมือนเดิม ถามว่า ทำไม คำตอบที่ได้รับ คือ มันก็เหมือนกันแหละ ไม่เป็นไรน่า อะไรก็ได้ ก็มันเหมือนกัน ทุกคนทราบมั้ยคะว่า คำคำนึงที่คนไทยชอบพูด และชอบเป็นกันที่ทำให้คนญี่ปุ่นไม่ชอบบบบบบ ที่สุด คือ อะไรก็ได้ (Dumb) เพราะว่า สำหรับคนญี่ปุ่นนั้น เค้าอะไรก็ได้ไม่ได้แบบเด็ดขาด ทุกอย่างที่ทำลงไปจะต้องมีค่า มีความหมายในทุกๆรายละเอียด เพราะเค้าใส่ใจ ไม่ใช่ว่า อะไร.....ก็ได้ อยากจะบอกว่ามีทุกที่ จริงๆคะ แม้แต่ตัวดิฉันเอง ในบางครั้งก็ยังเป็นพวก อะไรก็ได้ แล้วก็โดน นายตำหนิบ่อยๆ จน เดี๋ยวนี้ก็น้อยลงไปมาก แล้ว อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันเปลี่ยนนะคะ  เปลี่ยนแล้วก็จะทำให้ทั้งตนเอง องค์กร รวมถึงสังคมที่ใหญ่ที่สุดคือ ประเทศ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพราะคนไทย จะไม่มีคนทำอะไรแบบ อะไรก็ได้ไงคะ(อาจจะเปลี่ยนยากหน่อย เพราะคนไทยไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงแม้มันจะทำให้ตัวเองดีขึ้ก็ตามไม่รู้เป็นไง)